Wednesday, October 2, 2013

** Japan 2013 ** Day 5 : ตอน 1 เที่ยว Kanazawa ชม Higashi Chaya & เที่ยว Kenrokuen สวน 1 ใน 3 สวนสวยที่สุดในญี่ปุ่น

ฝาท่อเมือง Kanazawa
ตอนนี้ผ่านไปครึ่งทริปแล้ว ไวเหมือนโกหก เช้าวันที่ 5 ที่ Kanasawa ที่มีเสน่ห์ไม่แพ้เกียวโต แต่เมื่อเมืองเล็กกว่า Kyoto ความเป็นสัดส่วนก็เลยดูดีกว่า ลงตัวกว่า เป็นเมืองที่น่ารักอีกเมืองนึงทีเดียว ช่วงเช้าก็เช็คเอ้าท์ออกจาก Guest House เอากระเป๋าไปใส่ Locker ฝากที่สถานี แล้วออกเที่ยวเมืองทั้งวัน

คานาซาวะแปลว่าหนองน้ำทอง มาจากเรื่องเล่าว่าในอดีตมีชาวนาชื่อ Imohori Togoro ยังชีพโดยการขุดมันเทศออกมาล้างฝุ่นทองที่หนองน้ำ ซึ่งต่อมาบริเวณนั้นกลายมาเป็นเมือง ไม่รู้ด้วยเหตุนี้หรือไม่ จึงพบเห็นงานฝีมือที่ผลิตจากทองในหลายแห่ง ขนาดยังมีไอศกรีมทองยังมีขายในเมืองด้วย

ตั๋ว Loop Bus 500Y




















ที่นี่นักท่องเที่ยว หรือ บุคคลทั่วไป สามารถซื้อตั๋ว 1 day ticket ที่สามารถขึ้น-ลงรถประจำทางที่เดินรถเป็นวงกลม ออกจากสถานี Kanasawa แล้วผ่านสถานที่ท่องเที่ยวหลายๆแห่ง จนวกกลับมาปลายทางที่สถานีต้นทาง จะขึ้น-ลงกี่ครั้งก็ได้ ภายในวันเดียวกัน ซื้อตั๋วที่สถานีต้นทางคือ Kanasawa Station หลังจากได้ตั๋วเรียบร้อยพวกเราก็เดินทางพร้อมเสบียงที่เหลือค้างจากที่ซื้อเมื่อวานเย็น ไปยังที่หมายแรก คือ เขตโรงน้ำชาโบราณ Higashi Chaya ป้ายหมายเลข 6
Higashi Chaya
Chaya คือ ย่านโรงน้ำชาโบราณ เป็นสถานที่บันเทิงสำหรับฟังเพลงการร้องรำของเกอิชา

ที่ Kanazawa มี Chaya อยู่ 3 แห่งคือ Higashi Chaya, Nishi Chaya และ Kazuemachi Chaya Chaya ของเมืองคานาซาวะเป็นแหล่งที่ได้รับการอนุรักษณ์เทียบเท่าได้กับย่าน Gion ของเกียวโตเลย ด้วยเวลาที่จำกัดเราจึงเลือกไปแหล่งที่ใหญ่สุดคือ Higashi Chaya
Tea House
จุดเด่นของ ร้านน้ำชาคือลักษณะการโครงไม้ที่เป็นตาราง ร้านน้ำชามีลักษณะเด่นจากโครงไม้ที่เป็นตาราง 2 ชั้น ด้านนอกของและห้องรับรองแขก ปกติการใช้โครงไม้เป็นสิ่งต้องห้ามในสมัยโบราณของญี่ปุ่นเนื่องจาก ดูแล้วสวยดี แต่เห็นคนส่วนใหญ่ถ่ายรูปมากกว่า มีบ้างที่เดินเข้าร้านจิบชาจริงๆ
Higashi Chaya
ในเมืองยังเห็นสายไฟโยงยายอยู่ ต่างจาก Kiso Valley ที่เอาสายไฟลงดินหมด แต่พื้นทางเดินปูอิฐเรียบเดินสบาย สะอาดสบายตา ย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นร้านค้า ร้านอาหาร พอเห็นบ้านเรือนอาศัยของคนอยู่บ้าง

จักรยานเช่า







หลังจากเดินเที่ยว Higashi Chaya ก็จะเดินทางไปเที่ยวชมสวน Kenrokuen ในจุดต่อไป ความจริงใกล้ๆกันก็มีย่านโรงน้ำชาเก่าอีกแห่งเดินไปได้ แต่พอดีเห็นทัวร์จีนมากันหลายขบวน และคิดว่าน่าจะเหมือนกันเลยไปตาอดีกว่า

ด้านหลังป้ายรถเมล์มีจุดให้บริการเช่ารถจักรยานด้วย ที่เมืองคานาซาวะมีบริการเช่าจักรยานเที่ยวด้วย วันละ 200Y เองถูกมาก มีจุดจอดตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วเมือง 18 จุด สามารถใช้บัตรเครดิตจ่ายเงินที่จุดจอดรถจักรยานได้เลย แล้วก็จะได้ Password สามารถใช้ได้ทั้งวัน แต่ต้องนำรถมาคืนในแต่ละจุดไม่เกิน 30 นาทีต่อการใช้แต่ละครั้ง ถ้าเกินคิดตังเพิ่ม 200Y ต่อทุก 30 นาที

นั่งรถ Loop Bus ไปลงที่ป้ายหมายเลข 9 ก็ถึงสวน Kenrokuen และ ปราสาท Kanazawa ป้ายเดียวกัน

Kotoji Stone Latern & Uchihashi Tea House
Kenrokuen หมายถึง หกปัจจัย ตามความเชื่อของการจัดสวนโดยชาวจีน ปัจจัยที่ทำให้สวนสมบูรณ์แบบมี 6 ประการ จับคู่ได้ 3 คู่ คือ ความกว้างขวางของพื้นที่และความสงบ กลอุบายและความเก่าแก่ ทางน้ำ และทัศนียภาพของสวน การที่หาหาสวนที่ครบปัจจัยทั้ง 6 ประการเป็นเรื่องยาก แต่สวนแห่งนี้ก็ได้รับการยกย่องว่ามีครบ ถือเป็นสวนที่สวยที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น

เมื่อเดินตรงมาจากประตูทางเข้าตรงมาที่สวน ทุกคนจะรู้จุดไฮไลท์ของสวนแห่งนี้โดยอัตโนมัติ นั่นคือ โคมไฟ Kotoji Stone โคมไฟนี้เป็นสัญลักษณ์ของสวนแห่งนี้ และของเมือง Kanazawa ขาโคมไฟหินมี 2 ขาทำคล้ายเครื่องดนตรีญี่ปุ่นที่เรียกว่าโคโต รูปร่างคล้ายจะเข้ของบ้านเรา เป็นต้นแบบของโคมไฟสวน

ถ้ามองตรงจากมุมโคมไฟ จะเห็นศาลาหลังเล็กๆที่อยู่อีกฝากมุมของสระ ศาลานั้นมีชื่อว่า โรงน้ำชา Uchihashi ที่ยื่นเข้าไปในสระน้ำกลางสวนที่มีชื่อว่า Kasumigaike เป็นโรงน้ำชาที่มีมาดั้งเดิมจากสวนเก่าที่เป็นต้นกำเนิดของสวน Kenrokuen

วันที่เราไปถือเป็นตอนช่วงต้นฤดูของฤดูใบไม้ร่วง หรือ Fall Season ต้นไม้ส่วนใหญ่ยังไม่เปลี่ยนสีมากนัก แต่ต้น Maple ต้นที่อยู่ตรงตะเกียงหินนี้เปลี่ยนเป็นสีส้ม สลับเหลืองแล้ว สวยได้ใจไปเต็มๆ

ทางน้ำ
ในสวนจะพบเห็นทางน้ำหลายสาย มีน้ำตกขนาดย่อมหลายจุด ถ้าดูจากแผนที่สวน จะพบเห็นการออกแบบทางน้ำอย่างชาญฉลาด ให้มีการไหลหมุนวนรอบสวน การใช้ประโยชน์จากความต่างระดับของพื้นที่ ที่น่าทึ่งก็คือ การออกแบบระบบน้ำในสวนเป็นระบบน้ำที่ส่งมาจากแม่น้ำที่ห่างไกล ตั้งแต่ปี 1632 เพื่อส่งน้ำมายังปราสาท Kanazawa และสวนแห่งนี้ สมัยนั้นยังไม่มีระบบไฟฟ้าใช้เลย

ทางเดินในสวน















สวน Kenrokuen มีขนาดที่กว้างใหญ่ แต่ก็สามารถเดินทั่วถึงได้ภายใน 1-2 ชั่วโมง โชคดีวันที่ไปอากาศกำลังดีไม่ร้อนเดินโดยไม่รู้สึกเหนื่อย ตามทางมีการตบแต่งสวนด้วยสไตร์ญี่ปุ่นแท้ นักจัดสวนไม่ควรพลาด คนที่ชอบต้นไม้สไตร์บอนไซ จะได้มาเห็นฝีมือชั้นครูในการเลี้ยง ตัดแต่งต้นไม้แนวนี้เลยทีเดียว

Yamatotakeru

















ด้านมุมของสวนมีรูปหล่อขนาดใหญ่ ตอนเห็นป้ายรูปหล่อว่าเป็นเจ้าชาย Yamatotakeru ก็เกิดความสงสัยเพราะเห็นแล้วน่าจะเหมือนผู้หญิงมากกว่า พอค้นในเน็ตก็ได้ข้อมูลเพิ่มว่าตามตำนานว่าเจ้าชายปลอมตัวเป็นหญิงรับใช้เพื่อสังหารศัตรูในงานเลี้ยง เลยได้รับการยกย่องในความกล้าหาญ รูปหล่อบลอนซ์นี้เลยเป็นรูปของเจ้าชายที่สวมชุดกิโมโน ทำขึ้นเพื่อเป็นอุทิศแก่ทหารที่ตายในสงคราม Seinan ซึ่งถือว่าเป็นสงครามภายในประเทศที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น


Raised Roots Pine

ในสวนมีต้นไม้ใหญ่หลายต้น แต่ที่ใหญ่เตะตาก็ต้นนี้ ต้นนี้เรียกว่า Neagari-no-Matsu หรือ สนยกราก ตามลักษณะของรากลอยตัวเสมือนยกต้นลอยขึ้นมา เดิมถูกปลูกโดยมีการคลุมรากไว้ แต่ต่อมาพอต้นไม้โตขึ้นก็ค่อยๆเอาดินออกเพื่อโชว์ราก เหมือนเทคนิคของการเลี้ยงบอนไซเลย แต่เป็นการประยุกต์กับต้นไม้ขนาดใหญ่ ถือว่าเป็นแลนมาร์คจุดนึงของสวนแห่งนี้

น้ำพุ

ตอนเดินดูน้ำพุนี้ในสวนตอนนั้นก็ไม่ประทับใจอะไร ก็เห็นแค่เป็นน้ำพุพุ่งขึ้นไปเท่านั้น ดูเล็กๆไม่อลังการเท่าไหร่ แต่พอมาอ่านพบว่าน้ำพุนี้ใช้ระบบแรงดันน้ำจากความแตกต่างของระดับน้ำจากสระน้ำกลางสวนและตรงสระน้ำพุที่เตี้ยกว่า ดันให้น้ำพุ่งขึ้นไปตามธรรมชาติเลย ก็ค่อนข้างทึ่ง เนื่องจากที่เห็นในสวนแรงดันน้ำค่อนข้างสูงมากน่าจะ 3 เมตรได้ ความสูงขึ้นอยู่กับระดับน้ำในสวน กล่าวกันว่าน้ำพุนี้ถือว่าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น คนโบราณนี่ช่างคิดประดิษจริงๆ นี่น่าจะเป็นปัจจัยเรื่องกลอุบายของสวนได้นะ

Kaiseki Pagoda and Midori-taki
Kaiseki Pagoda และ น้ำตก Midori-taki (น้ำตกมรกต) ถือเป็นจุดไฮไลท์อีกจุดของสวน น้ำตก Midori แสดงถึงความลงตัวของสายน้ำและการจัดสวน ส่วน Kaiseki Pagoda ก็มีประวัติที่มาที่น่าสนใจ ทั้งความเกี่ยวข้องกับตระกูลที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น และ สงครามในอดีต

Gourd Tea House

Yakao-Tei เป็นโรงน้ำชาเก่าแก่ ที่ย้ายมาจากสวนเดิมในช่วงเดียวกับโรงน้ำชา Uchihashi สังเกตว่าญี่ปุ่นจะให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำชามาก โรงน้ำชาถือเป็นสถานที่สำคัญอย่างของวัฒนธรรมญี่ปุ่น ที่ถือว่าพิธีการชงชาเป็นพิธีสำคัญในวิถีชีวิตเลยที่เดียว เดินดูในโรงน้ำชา ก็เรียบง่าย ไม่มีเฟอร์นิเจอร์อะไรรกตา

Pathway to Kanazawa Castle
ใช้เวลาเดินชมสวนเกือบ 2 ชั่วโมง เดินดูสวนไป อ่านประวัติในโบชัวร์ไปก็เพลินดี
หลังจากนั้นเดินออกทางเดิมจะมีสะพานข้ามถนนไปอีกฟากที่เป็นปราสาท Kanazawa

สนามหญ้าภายในปราสาท
ปราสาท Kanazawa มีประวัติการสร้างที่เป็นนิยายเรื่องยาวควบคู่กับการเกิของเมืองคานาซาวะ เริ่มสร้างปี 1546 จากสถานที่เดิมที่เป็นโรงเรียนสอนศาสนา หลังจากนั้นก็มีทั้งถูกฟ้าผ่า ไฟไหม้ สร้างเพิ่มเติม ถูกไฟไหม้อีกหลายครั้ง บางครั้งก็ไหม้จนเกือบหมด เคยถูกใช้เป็นสถานที่ของมหาวิทยาลัยคานาซาวะ จนสุดท้ายก็ได้รับการอนุรักษ์ให้เป็นสมบัติของชาติ ปัจจุบันก็มีการสร้างเพิ่มเติมเรื่อยๆ ตามเค้าโครงเดิมที่เคยสร้าง ตรงทางเข้ามีนิทรรศการประวัติปราสาท

ประตู Kahoku-mon
ประตู Kahoku-mon เป็นประตูหลักของปราสาทที่ใช้ในการป้องกันการรุกรานในอดีต มีประตู 2 ชั้นมีทางเดินขึ้นไปยังหอเชิงเทียนเพื่อใช้สังเกตการณ์ แต่ไม่ได้ใช้เป็นทางเข้าออกหลักของนักท่องเที่ยว อยู่มุมด้านในของปราสาท ลองเดินขึ้นไปดูวิวจะเห็นสวนปราสาทด้านหลัง

ตัวปราสาทใช้เวลาเดินดูไม่นาน และ ไม่เสียตัง แต่ถ้าต้องการเข้าไปดูตึกด้านในก็เสียตังเพิ่ม
หลังจากชมปราสาทก็จะเดินทางไปจุดต่อไปคือ 21st Century Museum ป้ายหมายเลข 10

การเดินทาง

Kanawawa Loop Bus

ซื้อบนรถ หรือ ที่ขายตั๋วรถบัสที่ Kanazawa Station
Price: 500Y
ภายใน Loop Bus มีจอ บอกป้ายที่จะลง
ป้ายรอรถเมล์ มีจอบอกตำแหน่งรถที่จะมา
ที่นั่งรอรถเมล์สวยดี
Loop Bus

ตั๋วเที่ยว

สวน Kenrouen

Price: 300Y

ตั๋ว 300 Y

No comments:

Post a Comment