Monday, May 12, 2014

Blue Mansion, Penang, Malaysia





Blue mansion เป็นชื่อที่ใช้เรียก Cheong Fatt Tze Mansion ซึ่งปัจจุบันคือโรงแรมที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองปีนัง




Cheong Fatt Tze เป็นชื่อของคหบดีชาวจีนที่อพยพมากจากเมืองจีนแบบเสื่อผืนหมอนใบมาสู่เมืองปีนัง ก่อร่างสร้างตัวจนเป็นมหาเศรษฐีครอบครองธุรกิจที่ดินในหลายประเทศในแถบเอเชียทั้ง มาเลเชีย สิงคโปร์ ฮ่องกง อินโดนีเชีย และที่ปีนัง




Blue Mansion เป็นส่วนหนึ่งในเขตพื้นที่มรดกโลกของเมือง Georgetown ในรัฐปีนัง ตัวอาคารได้รับรางวัลมากมาย เช่น  2000 UNESCO 'Most Excellent' Heritage Conservation Award, หรือ Lonely Planet จัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบ Mansion ของโลก (The greatest mansions and grand houses)



Blue Mansion เป็นโรงแรมขนาด 18 ห้องนอน มีชื่อเรียกแต่ละห้องตามทีมการตกแต่งและขนาด ช่วงตอนที่เข้าพัก (2014) บางส่วนกำลังมีการปรับปรุงเลยมีแค่ 9 ห้องชั้นล่างที่ให้เข้าพักได้


ชั้นบน

การประดับตบแต่งโรงแรมยังคงรูปแบบแต่เดิมของแมนชั่น ที่ผสมผสาน ระหว่างความเป็นจีนและตะวันตกอย่างลงตัว จะเห็นลวดลายไสตร์จีนบนกระเบื้องนำเข้าจากอังกฤษ  ลวดลายมู่ลี่แบบโบราณ โต๊ะเก้าอี้ไสตร์ตะวันตก




จุดเด่นของตัวอาคารคือ สีฟ้า จากประวัติของบ้านทราบว่านำเข้ามาจากอินเดีย เรียกว่า Indigo Blue เป็นสีฟ้าที่ทำให้รู้สึกเย็น สบายตา นอกจากสีฟ้าสะดุดตาแล้ว คงเป็นลวดลายงานโมเสกกระเบื้องดินเผาประดับตามขอบหลังคา และกระจังของตัวอาคาร เป็นดินเผาที่มีวิธีทำเหมือนกระเบื้อง ถ้วยชาม เครื่องปั้นดินเผาของจีน ช่างฝีมือต้องตัดเป็นชิ้นเล็กๆ เลือกสีและลวดลายมาประดับตามที่ออกแบบไว้ ช่างฝีมือเหล่านี้นำมาจากจีนแผ่นดินใหญ่โดยเฉพาะ



งานเหล็กของตัวอาคารก็ทำได้อย่างลงตัว เป็นลวดลายโปร่งตาที่กลมกลืนเข้ากับตัวอาคาร เหล็กหล่อเหล่านี้ เป็นงานฝีมือจากประเทศทางตะวันตก บางชิ้น นำมาจาก Glasgow, Scotland




Highlight อีกจุดของ Blue Mansion คือ บันไดวน เชื่อมต่อระหว่างชั้นล่างกับชั้นบน ทำด้วยโครงเหล็กวนเป็นเกลียวนำไปสู่ด้านบน (cast-iron spiral staircases) ตัวบันไดเป็นลวดลายฉลุเคยใช้เป็นจุดถ่ายทำหนังหลายเรื่อง เช่น Indochine




ที่นี่ไม่มีห้องอาหาร แต่ใช้โถงกลางตัวอาคาร ที่เปิดเป็นพื้นโล่งตามสไตร์อาคารในปีนัง รอบๆพื้นที่โล่งจัดเป็นพื้นที่รับประทานอาหารเช้า ที่เตรียมอาหาร ของทางโรงแรม ที่รวมอยู่ในค่าที่พักอยู่แล้ว




ตัว Mansion ไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก แต่ด้วยการออกแบบที่มีพื้นที่เปิดโล่งในตัวอาคารหลายจุด ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด เครื่องประดับของโรงแรม โคมไฟ มู่ลี่ โอ่งมังกร โต๊ะนั่ง โซฟา การจัดวางไม้บอนไซภายในอาคาร มีความกลมกลืน จนมีความรู้สึกเป็นบ้านมากกว่าโรงแรม



โรงแรมไม่มีสระว่ายน้ำ แต่มีสระน้ำขนาดเล็กขั้นกลางระหว่างพื้นที่อาคารด้านหน้า ซึ่งเป็นโถงล็อบบี้ของรงแรม และ ส่วนอาคารที่พักด้านหลัง


แม้ว่าตัวอาคารทั้งหมดมีขนาดไม่ใหญ่ แต่มีรายละเอียดการตกแต่งมากมาย หลายจุด ลวดลายการแกะไม้ที่แปลกตา มู่ลี่ บานหน้าต่าง บานเกร็ด สามารถเดินดูได้ทั้งวัน

พิพิธภัณฑ์




นอกจากพื้นที่ห้องพักแล้ว โถงชั้น 2 ยังถูกจัดให้เป็นที่แสดงนิทรรศการความเป็นมาของ Mansion ด้วย บางส่วนยังมีการซ่อมแซมอยู่ การเข้าชมในส่วนนี้เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้ วันละ 3 รอบ 11.00 13.00 และ 15.30 ค่าชมคนละ 16 ริงกิต



Blue Mansion แต่เดิมถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นบ้านภรรยาหลายคนของ Cheong Fatt Tze  รวมถึงสุดที่รักคนที่ 7 (จากภรรยา 9 คน) ในพื้นที่พิพิธภรรณฑ์จึงมีส่วนที่เป็นข้าวของเสื้อผ้า และประวัติของภรรยาคนนี้โดยเฉพาะ



ข้อดีของแขกที่พักที่นี่คือ สามารถเดินชมอาคารได้ตลอดแม้เป็นเวลาเย็นค่ำแล้วก็ตาม ค่อยๆอ่านประวัติของบ้านแห่งนี้ ประวัติผู้ก่อสร้าง ความเป็นมา ความผูกพันกับประวัติของปีนัง ค่อยๆเดินอ่านไปไม่ต้องรีบ พนักงานบริการมีไม่กี่คน ระหว่างที่อยู่ในโรงแรมแทบจะไม่เห็นพนักงานเหล่านี้ยกเว้นเดินไปขอบริการที่ฟร้อนเดส




Blue Mansion ก่อนที่จะมาถึงทุกวันนี้ มีการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง ยุครุ่งเรือง ทรุดโทรม ขายทิ้งและถูกปรับปรุงกลับขึ้นมาใหม่ บางช่วงเวลาดูจากในรูปแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นบ้านหลังเดียวกัน การบูรณะใช้เวลานานกว่า 10 ปี จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงมีการบูรณะปรับปรุงอยู่อย่างต่อเนื่อง

ห้องพัก

ห้องพักที่นี่มีขนาดกว้างขวาง มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกพร้อม แต่จุดเด่นคงเป็นเพดาน ที่มีความสูงมาก ทำให้ห้องดูโอ่โถงสบาย ราคาที่พักคืนละประมาณ 400 - 800 ริงกิตขึ้นกับช่วงเวลา และขนาดห้อง ราคารวมอาหารเช้า

ห้องบัตตาเวีย







อาหารเช้าของที่นี่ไม่ใช่บุฟเฟ่แต่เป็นแบบเมนูให้เลือก แม้ว่าเป็นสไตร์ตะวันตก แต่ยังแทรกความเป็นเอเชียอยู่ให้เห็น มีเตาถ่านย่างขนมปังให้ทาน

อาหารเช้า


Location

รถเมล์สาย 103, 204, 502 and CAT




No comments:

Post a Comment