Sunday, May 11, 2014

**Penang 2014** Day 2 -- Georgetown --- Part 1






เช้าวันที่สองของการเดินทาง อากาศสดใส ค่อนข้างไปทางร้อนด้วยซ้ำ วันนี้คือเที่ยวในย่านตัวเมือง Georgetown แต่ดูท่าทางน่าจะเดินกันเหนื่อยแน่ เลยเช่าจักรยานใช้เป็นพาหนะท่องเที่ยวในเมือง ค่าเช่ารถจักรยานก็คันละ 20 RM ต่อวัน เช่าร้านที่อยู่ตรงข้ามที่พักเลยสะดวกดี ของเด็กร้านก็เอาเบาะมาวางให้พร้อมที่ล็อกกันรถหาย

เคยสงสัยว่าทำไมปีนัง จึงมีเมืองชื่อฝรั่งว่า Georgetown

หาข้อมูลพบว่า Georgetown ที่เป็นเมืองหลวงของรัฐปีนัง ได้ชื่อมาจากกษัตริย์อังกฤษ King George III ตั้งแต่สมัยอาณานิคมอังกฤษ ตัวเมืองยังคงสภาพของตึก อาคารเก่า วัด ศาลเจ้า ดังสภาพเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในใจกลางเมืองที่มีการดูแลรักษาเป็นอย่างดีจนได้รับเลือกเป็น UNESCO World Heritage Site (ได้ร่วมกับเมือง มะละกา)

เส้นทางเดินเที่ยวในเมืองมีหลายโซน แต่ละโซนก็มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง มีหลายเว็บที่ให้ข้อมูลในการเดินเช่นเว็บนี้ http://www.penang-traveltips.com/  แนะนำเส้นทางเดินไว้ถึง 6 เส้นทาง แต่หากจะเดินให้ทั่วคงใช้เวลาหลายวันแน่ ทริปนี้เลยเลือกมาเฉพาะที่เป็น Highlight ของเมืองก่อน

วัด Hock Teik Cheng Sin

Hock Teik Cheng Sin Temple
จุดแรกที่แวะชมก็คือวัด Hock Teik Cheng Sin ห่างจากที่พักนิดเดียวใช้เวลาเดินไม่ถึง 5 นาที เป็นวัดของชาวฮกเกี้ยน ทางเดินเข้าเป็นประตูตึกแคบๆ แต่เมื่อเดินผ่านมาแล้วเป็นลานโล่งก่อนถึงตัวอาคารวัด กำแพงด้านข้างวัดมีการเขียนรูปวาดศิลปะจีนสวยงาม

ภายในวัด
สภาพภายในวัด (ที่ดูเหมือนศาลเจ้าบ้านเรามากกว่า) มีการดูแลรักษาเป็นอย่างดี มีทางลับที่เชื่อมต่อกับทางออกภายนอกได้เนื่องจากแต่ก่อนเคยเป็นที่ดำเนินการของสมาคมชาวจีน สมัยอาณานิคมอังกฤษ  ตัวแท่นบูชามีการประดับประดาเหมือนวัดจีนในบ้านเรา

Khookong Si


จากวัดแรกก็ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงจุดที่สอง Khookong Si

ถ้าพูดถึงสถาปัตยกรรมที่มีความงดงามติดอันดับต้นๆของเมืองปีนังคงได้แก่อาคารหลังนี้ Khoo Kongsi

Khookong Si มีชื่อเต็มว่า  Leong San Tong Khoon Si เป็นเสมือนอาคารสมาคมของตระกูลคู (Khoo)
ก่อตั้งโดย Leong San Tong ชาวจีนที่อพยพมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ในปีนังจะมีอาคารสมาคมของตระกูลอื่นอีกหลายแห่ง แต่ของที่นี่ถือเป็นสมาคมที่มีขนาดใหญ่และการประดับตบแต่งได้วิจิตรบรรจงที่สุด จนกลายเป็นแลนด์มาร์คของ Georgetown ไปเลย




ด้านล่างของวัด จัดทำเป็นนิทรรศการแสดงประวัติของตระกูลคู ที่มาจากจีนแผ่นดินใหญ่ และประวัติการสร้าง Khoo Kongsi   ดูประวัติการสร้างแล้วจะเห็นว่า วัสดุ อุปกรณ์ ส่วนใหญ่สามารถหาได้จากในแหล่งในปีนัง หรือ แหล่งใกล้เคียง แต่ที่ต้องนำเข้ามาจากจีนแผ่นดินใหญ่คือ ช่างฝีมือ


เส้นทางการเดินทางอพยพของชาวจีนแผ่นดินใหญ่สมัยก่อน ก็เดินทางไปตั้งรกรากตามเกาะต่างๆ ในแถบเอเชียตะวันออก เช่น สิงค์โปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน หรือ แม้แต่ภูเก็ต ของประเทศไทย แต่ใครจะไปรู้ว่าเกาะไหนจะเจริญรุ่งเรือง เติบใหญ่ในอนาคต


ความสวยงามของ Khhooo Kongsi ได้แก่รายละเอียดของการประดับประดาผนัง หลังคา รูปวาด ที่ใช้เวลาในการประดิษประดอย  และที่นี่ก็เหมือนอาคารโบราณหลายแห่งที่มีการเปลี่ยนมือ จากรุ่นสู่รุ่น จากเจ้าของดั้งเดิมไปสู่เจ้าของรายใหม่


งานเหล็กหล่อก็สวยงาน สังเกตรายละเอียดของรูปหล่อ ลายย่นของผ้า และท่าทางของแบบ ทำได้สวยงาม อย่าลืมมองหา รูปปั้นพระหัวเราะและร้องไห้ให้ดี


ตัววัดจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก เวลาผ่านไปเป็นชั่วโมงอย่างไม่รู้ตัว

ความจริง Khook Kongsi เปิดให้เข้าชมในตอนกลางคืนด้วย ดูจากรูปถ่ายตอนกลางคืนที่มีการเปิดไฟสวยงามมาก แต่ไม่ได้มีการเปิดไฟทุกวันต้องเช็คตารางเวลาจาก Official KhooKongsi

พิพิธภัณฑ์ ดร.ซุนยัดเซ็น


ระหว่างทางเพื่อไป Campbell Street Market จะผ่านพิพิธภัณฑ์ ดร.ซุนยัดเซ็น เป็นอดีตที่พัก ที่ดร.ซุนยัดเซ็นเคยพำนัก สมัยมาเยี่ยมเยือนปีนัง เสียค่าเข้าชม 5 RM มีไกด์คอยแนะนอธิบายความเป็นมาพูดภาษาไทยได้ด้วย




ความน่าสนใจกลับกลายเป็นตัวบ้านที่มีการรักษาสภาพไว้ค่อนข้างดี ทั้งห้องโถง ห้องครัว บันใดวน เครื่องประดับ แม้ว่าความเชื่อมโยงกับ ดร.ซุนยัดเซ็นดูเหมือนห่างไกลกันมาก ข้อดีอีกอย่างตรงที่พักหลบแดดที่ร้อนมากได้ และแถมมีน้ำชาให้ดื่มคลายร้อน

Goddess of Mercy


Goddess of Mercy หรือ วัดเจ้าแม่กวนอิม  ไม่ได้มีการประดับประดา งานศิลปะ เหมือน Khookong Si หรือวัดจีนอื่นๆในปีนัง แต่เป็นวัดที่มีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งด้วยความที่เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดในปีนัง


ในตอนแรกไม่ได้คิดว่าจะแวะที่วัดนี้ แต่ด้วยที่วัดใกล้กับร้านอาหาร Aik Hor ที่ทานกลางวันมากเลยลองแวะมาดู รวมถึงได้คุยกับคนที่ร้านอาหารแนะนำว่าควรมากราบไหว้ ขอพรเนื่องจากเป็นวัดที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่คนปีนังนับถือมาก

สภาพวัดมีขนาดไม่ใหญ่ เหมือนวัดจีนในบ้านเรา ไม่ได้มีการประดับตบแต่งมากนัก ทางเข้ามีรั้วเหล็กกั้นเป็นประตู แต่จะเห็นคนเข้ามากราบไหว้ตลอดเวลา

สถานที่ทั้งหมด อยู่ในละแวกเดียวกันหมด ยิ่งถ้าใช้ รถจักรยานแล้ว ยิ่งใช้เวลาเดินทางไม่นาน ความจริง ในตัวเมือง Georgetown มีรถ Loop Bus ให้บริการฟรีด้วย เรียกว่า CAT เพียงแต่ต้องใช้เวลารอแต่คันประมาณ 20 นาที

ครึ่งวันแรกอากาศค่อยๆเพิ่มความร้อนจากเย็นสบายช่วงเช้ามาสู่ความร้านจัดช่วงบ่าย เลยกลับที่พัก เพื่อคืนจักรยานและแวะพักที่โรงแรมก่อนไปต่อในช่วงบ่าย

อาหาร

ได้ข้อมูลการเดินชิมอาหารจาก Wall Street Journal  แนะนำร้านอาหารอร่อยหลายร้านในเมือง Georgetown แต่แวะเฉพาะที่อยู่ในเส้นทางที่จะไป

ติ่มซำ Aik Hor



เป็นร้านขายติ่มซำ ย่านตลาด Campbell เป็นร้านห้องแถวสองห้อง มีติ่มซำให้เลือกหลายรายการ ราคาไม่แพง มีบริการน้ำชาเองฟรี ส่วนใหญ่เห็นเป็นคนท้องถิ่นมากินมากกว่านักท่องเที่ยว รสชาติอร่อยดี





Aik Hoe
Lebuh Carnarvon
Georgetown, 10200 Georgetown, Penang, Malaysia



Cendol


ขนมน้ำแข็งใสของปีนัง คล้ายลอดช่อง และ มีการใส่เครื่องอื่นๆเช่น ถั่วแดง  มีหลายร้าน แต่เจ้านี้อยู่ในตัวเมือง ไม่ไกลจากย่านท่องเที่ยวและวัดต่างๆ  แนะนำโดยจากในเว็บอื่น เห็นเข้าท่าเลยแวะมาชิมดู คนเข้าแถวยาวมาก มี 2 ร้านติดกัน แน่นทั้ง 2 ร้าน แต่ที่แนะนำจากในเว็บอื่นเป็นฝั่งขวา รสชาติค่อนข้างหวานกว่าลอดช่องบ้านเรา แต่มีความมันของกะทิและน้ำตาลปึก อร่อยดี

Cendel


ตั๋วค่าชม

Khoo Kongsi --- 10 RM
Dr. Sun Yat Sen Museum Penang -- 5 RM

No comments:

Post a Comment