Sunday, September 29, 2013

** Japan 2013 ** Day 2 : ตอนที่ 1 Trekking โหด ที่ Kiso Valley

วิวจากห้องนอน Matsumoto Tokyu Inn

Matsumoto Station

วันนี้ตื่นกันแต่เช้า ทั้งๆที่กว่าจะนอนก็เที่ยงคืนกว่าๆเมื่อคืนนี้ เดี๋ยวไม่ทันเที่ยวรถไฟ
เช็คเอ้าตอนเช้าพร้อมฝากกระเป๋าใหญ่ไว้ที่โรงแรม

ออกจาก Matsumoto ตรงเข้าเขต จังหวัด Nagano เพื่อไปที่ Kiso valley เป้าหมายคือการเดิน Trekking ตามเส้นทางที่เรียกว่า Nakasendo Trail เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่เค้าว่าเป็นเส้นทางการเดินทางโบราณ ผ่านเมืองเก่า เหมือนเป็นเส้นทางการเดินตาม Track ของคนสมัยโบราณ

ช่างภาพ ทำงานตลอดเวลา
ถึงแล้วป้ายรถเมล์ที่ Tsumago

ทางเข้าเมือง Tsumago
ปกติก่อนมาทริปเนี่ย ก็ไม่ได้สนใจรายละเอียดของทริปเท่าไหร่ พาไปไหนก็ไป บอกให้ตื่น ก็ ตื่น เดิน ก็ เดิน ก็เลยไม่รู้ว่ากำลังจะเจอกับอะไรบ้าง ไปถึง Tsumago ก็ตื่นเต้นเพราะเป็นเมืองเก่า น่ารัก อยู่บนเนินเขา มีนาข้าวกำลังออกรวงสุก เป็นสีทองอยู่ข้างหน้า สวยดีจริงๆ


เมือง Tsumago
Kiso valley เป็นพื้นที่ต่อเนื่องในหุบเขาในเขตจังหวัดนากาโน มีเมืองที่นิยมไปเที่ยวคือเมือง Magome และเมือง Tsumago ทั้งสองเมืองอยู่บนเส้นทางการคมนาคม เส้นทางการค้า ระหว่าง เมืองหลวงเก่า คือ Edo หรือ Tokyo ในปัจจุบัน และ เมือง Kyoto

เมืองเก่าที่อยู่ในพื้นที่นี้มีอยู่หลายจุดเรียกว่า Post town เมือง Tsumago และ Magome ก็เป็นเมืองในเส้นทางนี้เช่นกัน อีกเมืองที่ถูกอนุรักษ์และมีคนนิยมเดินทางไปคือเมือง Narai


ในเมือง Tsumago มีที่นั่งพักตามทางเดินตลอด
สภาพภายในเมืองได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี เมือง Tsumago เป็นเมืองใหญ่สุดใน 3 เมืองที่คนนิยมเดินทางไป บ้านเรือนเป็นบ้านไม้สไตร์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมตั้งอยู่ 2 ฝากถนนคนเดินที่ผ่ากลางเมือง เสาไฟฟ้าและเสาทีวีในเมืองหายไปหมด ดูแล้วได้บรรยากาศแบบโบราณจริง

ของฝาก งานไม้
โซบะร้อนๆ ก่อนเดินทางไกล
ป่ะป๊าบอกว่าหาอะไรกินให้อิ่มในเมืองน้อยนี้เลยนะเพราะว่าเดินยาววววเลย รู้แค่นั้น ก็เลยเดินหาร้านโซบะ กิน ตามโพยบอกว่าร้านนี้อร่อย ก็สนุกสนาน ทั้งสองแฝด ขนมปัง เนย กินโซบะกันอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมเดินทางไกลลล....

ทางโรยกรวดขึ้นเนินเขา
เส้นทางเชื่อมระหว่างเมือง Tsumago และ Magome เรียกว่า Nakasendo Trail เป็นเส้นทางโบราณที่สร้างสมัย Edo บางช่วงเป็นเส้นทางโรยกรวดหินเลาะไปตามเนินเขา

บางช่วงเดินเลาะริมถนน






















บางช่วงลัดเลาะไปตามหมู่บ้าน สะพาน บางช่วงต้องเดินบนขอบถนนที่มีรถใช้วิ่งในปัจจุบัน บางช่วงเป็นเส้นทางเดินโบราณที่ใช้กันมาแต่ก่อน

ทางไป Magome ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ
ช่วงแรกๆ ของ 2-3 กม. แรก ขนมปัง วิ่งขึ้นเนินเล่นกับ น้องเนย แล้วหกล้มกลิ้งจากเนิน เป็นแผลเปิด พร้อมเลือดออกด้วยทั้งมือ และเข่า เล่นเอาหนุ่มน้อยร้องให้เสียงดังเชียว โชคดีมีคนที่ร่วมเดินผ่านมา ส่งพลาสเตอร์ปิดแผลให้ 2 แผ่น พอปิดประทังเลือดกับแผลของน้องปังไปได้ ขอบคุณคนนั้นในจังหวะนั้นจริงๆ หลายคนที่กำลังเดิน Trekking ก็เข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เราจะพบน้ำใจคนได้ตลอดเวลาท่องเที่ยวในทริปนี้
มีคนเดิน Trekking เป็นกลุ่ม โดยเฉพาะผู้สูงวัย
พอเริ่มเดิน เห็นป้ายแรกเมื่อเดินมาซักพัก ว่า 6.9 กม. ถึง Magome ก็เอ๋ ใช่มั้ยเนี่ย ถามไปก็บอกว่าใช่ ก็เลยพา 2 คนเดินไปต่อ จะถอยกลับก็เริ่มรู้สึกว่ามาไกลแล้ว

ตลอดทางเดินนั้นถือว่าโหดจริงๆ เพราะทางเดินนี้ เต็มไปด้วยช่วงของการเดินขึ้น เดินขึ้นเขา อย่างเดียวเป็นส่วนใหญ่ คนร่วมทางเดินล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เตรียมความพร้อมเต็มที่ ทั้งชุด และอุปกรณ์ช่วย แบบเดินขึ้นเขาทั้งนั้น

จริงๆแล้ว ปกติเนี่ยเค้าจะเดินจาก Magome ไปที่ Tsumago ระยะทางรวมประมาณซัก 7 กม. ได้ เพราะเดินง่ายกว่าส่วนใหญ่เดินลงเขา มีช่วงขึ้นเขาแค่ราว 2 กม. แต่ว่า....ทริปนี้ของเราเนี่ยเดินย้อนศรเค้า เนื่องจากลงรถไฟที่สถานี Nagiso แล้วพาต่อรถบัสไปที่ Tsumago เดินกลับทิศชาวบ้านส่วนใหญ่เค้า

ป้ายบอกเรื่องราวของเส้นทาง
บางช่วงเป็นเส้นทางเดิมที่เคยใช้กันมาแต่โบราณ บางจุดมีป้ายบอกเล่าเรื่องราวของเส้นทางเหล่านี้ในอดีตที่ผ่านมา ป้ายนี้ปักอยู่ข้างทางปูหินลาดเนินขึ้นทางชัน อ่านดูก็มองเห็นสภาพของการเดินทางสมัยนั้นเลยว่าจะลำบากขนาดไหน


สั่นกระดิ่งกันหมี มีตลอดทาง
ระหว่างเส้นทางบางช่วงที่ผ่านป่า จะมีเสาแขวนกระดิ่งไว้ให้สั่นตลอดทาง ตอนแรกเข้าใจว่าสั่นเพื่อความโชคดีเลยสั่นพร้อมบอกให้ลูกยกมือไหว้ แต่พอเห็นบางเสามีป้ายเขียนไว้เลยถึงบางอ้อว่าเค้าไว้สั่นเพื่อไล่หมีไม่ให้เข้ามาใกล้

เส้นทางปูอิฐ
ขนมปัง เนย บ่นไม่ออกเลยตลอดเส้นทาง มีบางช่วงลูกบ่นเดินไม่ไหว ก็ต้องมีมุขช่วยเดินก้นบ้างแต่ มุขที่ได้ผลจริงๆตลอดเส้นทางเดินนี้ เห็นจะเป็น การนับก้าวเดินกัน 3 คน แม่ ลูก ช่วงที่ขึ้นเขาที่โหดที่สุดจำได้ว่านับกันได้ 700 กว่าเก้า จากตีนเนิน ถึงยอดเนิน โหดเอาเรื่อง สำหรับเด็กน้อยอายุ 6 ขวบกว่าๆ


กังหันวิดน้ำ
เดินไปเรื่อยๆ หลงด้วย ขนาดเค้าทำป้ายบอกทางตลอดระยะทาง ยังเดินหลงไปอีกร่วม 1 กม. ได้ สรุปว่ากว่าจะเดินถึงปลายทางคือ Magome ก็พบว่าทางที่เราเดินนั้นคือทางเดินขึ้นเขา 6 กม. เดินลงเขาอีก 2 กม. แถมหลงเดินขึ้น เดินลงอีกร่วม 1 กม. มาถึงช่วงท้าย สะบักสะบอม หมดแรงกันไปทั้งครอบครัว

น้ำตกระหว่างทาง
ระหว่างทาง จะผ่านน้ำตกขนาดไม่ใหญ่มาก เหมาะนั่งกินข้าวกลางวันหรือนั่งพักเอาแรงได้ น้ำตกมีขนาดไม่ใหญ่มาก จากน้ำตกจะมีทางแยกเดินขึ้นไปขังถนนด้านบน เป็นบันไดที่สูงพอสมควร เมื่อไปถึงยอดก็ต้องเดินเรียบทางถนนต่อไป ช่วงนี้เห็นคนเดินหลงกันหลายคน

แวะกินชา บ้านลุงใจดี
โชคดีที่ช่วงท้ายๆของการเดินตามทางผ่านบ้านตามแบบโบราณ อยู่ 1 หลัง คุณลุงกำลังทำการแช่เย็นน้ำชาด้วยน้ำที่มาจากธรรมชาติ แล้วเชิญชวนให้เราพักก่อนพร้อมเสริฟชาเย็นๆจากการแช่น้ำจากห้วย ไม่ใช่ตู้เย็นแต่สดชื่นเย็นสบายไม่แพ้กัน แถมด้วยมะเขือเทศสดๆแช่เย็นอีก 1 ถ้วย ซัดเรียบพร้อมขอบคุณ คุณลุงคนนั้นที่ให้ที่พักเหนื่อย คนนึงพูดอังกฤษแต่อีกคนพูดญี่ปุ่นก็สื่อสารกันได้

ทางขึ้นเขา
ช่วงที่โหดสุดเป็นช่วงเดินขึ้นเขา ทางเดินเป็นทางโรยทรายลาดยาวขึ้นบนเขาไปเรื่อยๆ สองข้างทางเป็นหิน หรือ ไม้ไผ่กั้นเป็นแนวทางให้เดิน ช่วงนี้ต้องหามุกมาเล่นกับเนยขนมปังให้เดินต่อไป แต่ดูแล้วคนที่เหนื่อยน่าจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่า

ร้านแวะพักริมทาง แต่ตู้กดน้ำไม่ทำงานซะงั้น

ใกล้ความเป็นจริง
เจอ Self-service มันต้ม 100Y อร่อยดี
ทางเข้าเมือง Magome มีดอกไม้ต้อนรับ
วิวจากจุดเมือง Magome
ปลายทางมีจุดชมวิวได้ถ่ายรูปครอบครัวรูปแรกของทริปนี้โดยให้นักท่องเที่ยวคนอื่นช่วยถ่ายให้ วิวสวยก็ทำให้หายเหนื่อยได้เหมือนกัน เบ็ดเสร็จใช้เวลาไปกว่า 5 ชม. ร่วม 6 ชม. (แอบกลับมาเช็คข้อมูล ถ้าเดินถูกทางคือ Magome ไปที่ Tsumago เค้าว่าใช้เวลาแค่ 4 ชม. เอง) เหนื่อยที่สุด และโหดที่สุดเท่าที่เดินเที่ยวญี่ปุ่นมาทุกครั้ง แต่ก็ทำได้ ขนมปัง เนย ก็ทำได้ ต้องขอบคุณรองเท้าใหม่ทั้งแม่ ลูกถอยมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ หม่าม๊าบุ๋มจัดเป็น New Balance ส่วน ขนมปัง เนย ใช้ OshKosh-B’Gosh ใหม่แกะกล่องกันไปเลย เดินได้ไม่ปวดเท้า

ป้ายประกาศโบราณ ทางเข้าเมือง Magome
สังเกตุได้อย่างนึงสำหรับการเดิน Route นี้ คือ ถ้าเดินทางขึ้นเขาแบบที่เราเดินนี่ ส่วนใหญ่คนร่วมเดินจะเป็น นักเดินเขามืออาชีพพร้อมอุปกรณ์ครบครัน หรือไม่ก็หนุ่ม สาว ส่วนคนที่เราเดินสวนทางคือ เดินมาจาก Magome ก็จะเป็น คนแก่ๆ หรือ Family ที่เป็น พ่อ แม่ และเด็กเล็ก (ประมาณของเราแหละ) เมื่อเดินถึงที่หมาย ถึงจะเหนื่อย แต่ก็แอบภูมิใจ ว่าเออแฮะ เราก็ทำได้เนอะ


ทางเดินเข้าเมือง Magome
Magome เป็นเมืองขนาดเล็กกว่า Tsumago เมืองจะตั้งอยู่ตามแนว Slop ของเขา สองข้างทางเป็นบ้านเรือนสไตร์เดียวกับเมือง Tsumago แต่ถนนดูแคบกว่า ดูเมืองทันสมัยมากกว่าหน่อย แล้วเมืองสั้นกว่า มาถึงเมือง Magome ช่วงบ่ายคนเดินกันเต็ม

ปลายทางนี้ น้องขนมปังแวะให้หม่าม๊าซื้อ ไม้เท้าอันนึง บอกว่าจะไปฝากยาย กว่าจะเดินมาถึงป้ายรถเมล์ ก็พบว่ารถออกไปแล้ว 5 นาที ป่ะป๊าหน้าหงิกซะ ทำยังไงดีละ ถ้ารอรถบัสเที่ยวต่อไปก็จะพลาดรถไฟเที่ยวต่อไปอีก 2 ชั่วโมงเลย ตกลงลองลุ้นด้วย Taxi เพื่อให้ทันรถไฟ ที่สถานี Nakatsugawa เพื่อพาเราไปส่งที่หมายต่อไป คือ Shibu Onsen ปรากฎว่า....ไม่ทัน...555 แถมเสียเงินค่า Taxi ไป 3,300 เยน

แต่ก็ยังดีที่มีรถไฟเที่ยวต่อไปอีกชั่วโมงนึง งั้นระหว่างรอไปเดินเที่ยวซื้อขนมชอปปิ้งแล้วกัน เดินดูของที่ร้านค้าหน้าสถานี เจอขนมอร่อยๆ มาให้น้องเนย กลายเป็นของโปรดตลอดทริปไปเลย คือ ขนมที่ทำจากเกาลัดบดๆๆกับมันเทศ อร่อยมาก เรียกว่า Kuri Kinton ไปเจออีกที ที่ Takayama น้องเนยเห็นรีบบอกให้ซื้อให้ทันทีกินตุนแรงก่อนไป Shibu Onsen ต่อ

Omiyage: Kurikinton Autumn Chestnut Confection 栗きんとん
Kuri Kinton

การส่งกระเป๋า Kiso Valley

ในกรณีที่มีกระเป๋าสัมภาระที่ไม่สะดวกในการเดินข้ามเมือง มีบริการส่งกระเป๋าไปมาระหว่างเมือง Magome และ Tsumago ที่จุด Tourist Office (จุด Information ใน Map) โดยต้องส่งกระเป๋าระหว่างเวลา 8.30 – 11.30 และกระเป๋าจะไปถึงอีกเมืองหลังเวลา 13.00 ค่าบริการ 500Y ต่อใบ

การเดินทาง

Matsumoto - Kiso Valley

การเดินทางเริ่มจาก นั่งรถไฟจาก Matsumoto ไปยังเมือง Nagiso Station
ถ้ารถด่วนใช้เวลา 1 ชั่วโมง ราคา 3100Y
รถธรรมดาใช้เวลา 2 ชั่วโมง ราคา 1450Y

ตั๋วไป Nagiso -- เด็กครึ่งราคา
Nagiso Station เล็กๆ

จากสถานีรถไฟเดินออกมาจะเห็นป้ายรถเมล์ ต่อไปยังเมือง Tsumago หรือ Magome
ตามเวลานี้ (http://www.japan-guide.com/bus/kiso.html)
Price: 300Y

ป้ายรถบัส มีเวลาออกรถชัดเจน
รถบัสจากสถานี Nagiso ไป Tsumago

แนะนำให้นั่งรถไฟไปลง Nakatsugawa Station แล้วนั่งรถบัสไปลง Magome แลัวเดินย้อนไปยังเมือง Tsumago จะง่ายกว่าเนื่องจากเป็นทางเดินลงเขา ขากลับนั่งรถบัสจาก Tsumago กลับไปยังสถานี Nagiso Station เมือง Tsumago มีขนาดใหญ่กว่า ร้านค้าเยอะกว่า

อาหาร

ร้าน Shinya --- หน้าร้านไม่มีชื่อภาษาอังกฤษต้องอาศัยสังเกตโลโกเอา โซบะร้อนๆ น้ำซุป เส้นโซบะสไตร์เอกลักษณ์ย่านนากาโน

หน้าร้าน Shinya
โซบะ เพิ่มไข่
Price: 700 - 800Y ต่อชาม
Location: อยู่สุดเมือง Tsumago ก่อนออกไปตามทาง Trekking ไปเมือง Magome
Blog Review: Paul's Blog

ข้อมูลเพิ่มเติม

Kiso Valley in Lonely Planet :
Japan Visitor:
Nakasendo Highway Map: http://www.kiso-magome.com/image2/map/nakasendo-highway.pdf
Kiso Guide Map: http://www.kiso-magome.com/map/mapimages/magome_english_2013.pdf

Photoblog

No comments:

Post a Comment