|
ทิวทัศจากห้องนอน |
พอตื่นขึ้นมาตอนเช้า ชื่นชมบรรยากาศโดยรอบของบ้านแล้ว วันนี้อากาศเช้า หนาวมากเลยทีเดียว จัดการอาบน้ำ และแต่งตัวให้คู่แฝด ขนมปัง-เนย ให้อุ่นที่สุดเท่าที่อุปกรณ์จะมี (โชคดีที่ Kanazawa เมื่อวาน แวบแวะร้าน MUJI ร้านดังของญี่ปุ่น ซื้อกางเกง และเสื้อเพิ่มให้ คู่แฝดเพิ่ม เนื่องจากมีการผิดพลาดทางเทคนิค จัดเตรียมเสื้้อผ้ามาขาดไป 1 คืน เพราะ คิดว่า ค้างเมืองต่างๆ แค่คืนเดียวก่อนจะไปเจอกับกระเป๋าใหญ่ ที่จัดส่งไป Takayama วันนี้)
|
Breakfast |
หลังจากตื่นนอนก็มาทานอาหารเช้า จัดแบบง่ายๆ เน้นวัตถุดิบรอบบ้าน แต่รสชาติอร่อย มื้อนี้เตากลางบ้านใช้เป็นที่ต้มน้ำชาร้อนเสริฟตลอดเวลา นั่งคุยกับลุงเอียนป้าแอนถึงแพลน ลุงป้าจะค้างที่นี่อีกคืนก่อนเดินทางไปคานาซาวะ สวนทางกับเรา หลังทานข้าวเสร็จก็แลกเปลี่ยนอีเมล์กัน ยังชวนแกมาเที่ยวเมืองไทย ถ้าแกแวะมาคงได้เจอกันอีก
|
คุณยายญาติเจ้าของบ้าน |
ตอนเดินอออกมาเจอคุณยายญาติเจ้าของบ้าน แกบอกอายุเจ็ดสิบกว่าดูแล้วไม่น่าเชื่อยังแข็งแรงดี แกชอบแฝดปังเนยเลยเดินเข้าบ้านไปเอาขนมมาแจกคนละถุง
|
ฝาท่อ Shirakawago |
ตอนเช้าก็เดินจะเที่ยวในหมู่บ้าน รอจนกระทั่งป่ะป๊ากลับมาจากการนำเอากระเป๋าไปฝากไว้ด้านหน้าของหมู่บ้าน จะได้ไม่ต้องถือไปด้วยตอนเที่ยวในหมู่บ้าน จุดที่เอากระเป๋าไปฝากคือสถานีจอดรถบัสแค่บอกว่ามานอนค้างในหมู่บ้านเมื่อคืน เจ้าหน้าที่เค้าก็จะเอากระเป๋าไปเก็บไว้ให้ไม่ต้องใช้ล็อกเกอร์
|
ศาล Shirakawa hachiman |
ระหว่างทางเดินจากเรียวกัง ไปสู่หมู่บ้านผ่านศาล Shirakawa hachiman ช่วงเช้ายังไม่มีนักท่องเที่ยวมาถึงหมู่บ้านการเดินชมหมู่บ้านก็ค่อนข้างสบาย ตอนเดินผ่านศาลเจ้าเหมือนยังไม้ใช่เวลาทำงาน ประตูศาลจึงปิดอยู่
|
ปลาคาร์ฟ ตามธรรมชาติ |
หนองน้ำตามธรรมชาติมีความใสมาก มีปลาที่เข้าใจว่าถูกเลี้ยงตามธรรมชาติว่ายอยู่เป็นฝูง ปลาคาร์ฟสีส้มสดใสมองเห็นได้แต่ไกล รอบบ่อก็เป็นพืชคลุมขอบบ่อตามธรรมชาติ อากาสช่วงนี้เริ่มหนาวมากขึ้นเพราะฝนเริ่มโปรยลงมา แต่เป็นเพียงละอองฝนเลยยังเดินเล่นในหมู่บ้านได้
|
หุ่นไล่กาญี่ปุ่น |
ที่ว่างระหว่างบ้านจะเป็นพิ้นที่ปลูกข้าว เป็นแปลงขนาดเล็กๆ ที่นี่ก็มีหุ่นไล่กาเหมือนกัน แต่เสื้อผ้าใส่วาดรูปหน้าตาใส่หมวก ดูแล้วน่าได้รับอิทธิพลมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นไม่มาก็น้อย
|
ผืนนาเล็กๆ |
บ้านในหมู่บ้าน เป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านจริงๆ แต่ดูเหมือนชางบ้านน่าปรับตัวกับการที่มีกลุ่มคนมาด้อมๆ มองๆ ถ่ายรูปรอบบ้านแล้ว เท่าที่สังเกตทุกคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับแขกเป็นอย่างดี แม้ว่าช่วงสายๆ เริ่มมีกลุ่มทัวร์เดินทางมาถึง ทำให้สภาพของหมู่บ้านเปลี่ยนไปอย่างพลิกฝ่ามือ ความวุ่นวายเริ่มเข้าแทนที่ความสงบ เกือบแทบทุกมุมก็จะมีนักท่องเที่ยวแทรกตัวเข้าไปโพสถ่ายรูป
เราเลยพอกับการเดินในหมู่บ้าน เดินไปรอขึ้นรถไปชมจุดชมวิวบนยอดเขาหลังหมู่บ้าน
|
จุดชมวิว |
หลังจากนั้น ก็มารอรถประจำทางเพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิว ที่จะมองเห็นทั้งหมู่บ้านจาก Top Hill ซึ่งก็สวยมากๆ คุ้มที่สุด จากมุมสูง ได้เห็นหมู่บ้านจากมุมสูง มุมนี้เป็นมุมที่ถ่ายรูปหมู่บ้านที่ปกคลุมด้วยหิมะ โดยเฉพาะในหน้าหนาวที่จะมีการเปิดไฟในเวลาพลบค่ำ เป็นภาพที่ทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นมา แต่ไม่เป็นไรเห็นแบบเขียวๆก็สวยมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
|
จุดชมวิวหมู่บ้าน |
การเดินทางขึ้นมาจุดชมวิวทำได้ 2 ทางคือ เดินขึ้นมา หรือ นั่งรถ Shuttle Bus ถ้าเดินขึ้นมาก็เดินตามถนนที่ผ่ากลางหมู่บ้านฬช้เวลาราวชั่วโมง แต่ด้วยสภาพวันนั้นที่มีฝนโปรยลงมาบางๆ เราเลยว่านั่งรถดีกว่าสะดวกดี เมื่อมาถึงเห็นความงามของหมู่บ้าน จัดการถ่ายรูปกันไป ตามสมควร เสร็จแล้วไม่มีอะไรไปกว่านั้น นั่งรถกลับลงมาด้านล่าง เพื่อเยี่ยมชมจุดต่อไป
|
Gassho zukuru museum |
หลังจากกลับมาจากชมวิวในหมู่บ้านเป็นเวลาพอสมควรแล้ว ก็เดินย้อนออกมาทางสะพานแขวนจนถึงท่ารถบัส ด้านข้างจะเป็น Open air museum ที่ชื่อว่า Gassho zukuru museum
ที่ญี่ปุ่นจะมีพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งดีๆหลายที่ ที่เราเคยไปและประทับใจก็มีที่ Hagone ลองหาอ่านดูได้จากในบทความเก่าๆของเราได้
ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ บ้านชาวนา หรือ บ้านโบราณ ที่บางหลังเค้าไปยกมาจากสถานที่จริง เพื่อรวบรวมไว้ให้เที่ยวชม มีบ้านแต่ละหลัง ให้เที่ยวชม ที่ละหลัง แต่ละหลังมีประวัติ และอายุแตกต่างกันไป โดยเฉลี่ยอยู่หลังยุค Edo หรือ ประมาณ 100-200 ปี ประมาณนั้น
|
บ้าน Gassho zukuru |
การเดินดูบ้านต่างๆ ก็พอที่จะทำให้เราพอมองเห็นการใช้ชีวิตของชาวชนบทญี่ปุ่นในอดีตได้ชัดเจนพอควร จากสมัยที่ไม่มี Technology มาช่วยในการดำเนินชีวิต จนถึงยุคปัจจุบันที่ถึงแม้รูปแบบการใช้ชีวิต และ Technology เปลี่ยนแปลงไปแยะมาก แต่รูปแบบของการออกแบบสถาปัตยกรรม หรือการใช้ชีวิตไม่ค่อยเปลี่ยนไปตามแบบตะวันตกมากนัก ยังคงลักษณะความเป็นแบบญี่ปุ่นๆ ได้ จนกลายเป็นเสน่ห์ของประเทศนี้ไปโดยปริยาย
|
แบบจำลองโครงสร้าง Gassho Zukuru |
ในพิพิธภัณฑ์ จะมีวีดีโอแสดงการสร้างบ้าน Gassho zukuru ที่เป็นร่วมมือของคนในหมู่บ้านซ่อมแซมหลังคาที่ผุพังไปตามอายุขัย การถักหลังคาจะใช้เชือกในการผู้มัดหญ้าฟางแห้งที่มีการมัดขึงเป็นอย่างดี
การสร้างหลังคาจะเป็นงานที่ร่วมแรงกันของคนในหมู่บ้าน ที่จะอาสาสมัครมาช่วยงานกัน จุดเด่นของการมุงหลังคาคือ กระบวนการทั้งหมดต้องเสร็จภายในหนึ่งวัน และเป็นการช่วยกันทำทั้งหมู่บ้าน
|
Walking the line |
โดยทั่วไป บ้าน Gassho zuruko จะแบ่งออกเป็น 3 ชั้น ชั้นล่างสุดเอาไว้อยู่อาศัย ห้องรับแขก บางบ้าน มีบันไดพาดให้เดินขึ้นไปถึงชั้นบนสุด ด้านบนสุดเป็นพื้นไม้โปร่งเพื่อให้ความร้อนจากเตาไฟด้านล่างสามารถลอยขึ้นมา ทำให้การยึดหลังคามีความแข็งแรงมั่นคงขึ้น และเป็นการรักษาความอบอุ่นภายในบ้านไปในตัว
|
irori |
ในอดีต ย่านเมือง Shirakawago เป็นแหล่งของการผลิตดินปืนสำคัญ ชั้นสองและสามเป็นที่เลี้ยงตัวไหม สำหรับผลิตผ้าไหมคุณภาพดี และวัตถุดิบที่ตามมาก็คือ มูลของไหม ซึ่งมีสารกัมมะถันเป็นปริมาณที่สูงสามารถนำมาใช้ในการผลิตดินปืนได้เป็นอย่างดี
|
น้องเนยสนใจกระดิ่งลม |
บ้านทั้งหมดที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์นี้น่าจะมีราวๆ 10 กว่าหลัง ถึงราวๆ 20 หลังได้ ดูเพลินๆ พร้อมมองเวลาไปด้วยเพราะกำหนดการที่เราต้องออกจากหมู่บ้านนั้นคือ 12.00 น. ตรง น้องขนมปัง และน้องเนย ก็เดินเล่นๆ กันไป ดูๆ ว่าน้องเนยดูจะสนใจเรื่องประวัติศาสตร์ เป็นพิเศษ ดูกระตือรือร้น วิ่งเข้า วิ่งออกแต่ละบ้านอย่างสนุกสนาน
|
ลำธารในพิพิธภัณฑ์ |
ส่วนน้องขนมปังนั้น ออกจะออกอาการซน ไปเรื่อยๆ แบบว่าไม่เชื่อ เตือนก็ไม่ฟัง ซนจนเผลอตกลงไปในน้ำ ทำให้ทั้งรองเท้า ถุงเท้า ไปจนถึงกางเกงใหม่เอี่ยมที่เพิ่งถอยมาเมื่อวาน เปียก เลอะโคลน เต็มไปหมด ทั้งโมโห ทั้งสงสารลูกในคราวเดียวกัน ก็ต้องจัดการล้างรองเท้า เช็ดทำความสะอากกางเกง ถอดถุงเท้า ใส่ไปเฉพาะรองเท้าเปียกๆไป โชคดีเป็นเวลาใกล้เวลาต้องออกเดินทางพอดี ก็ไม่ต้องทนหนาวจากการเปียกนานเกินไป
เป็นอันว่าเที่ยวหมู่บ้านนี้เรียบร้อย พร้อมเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปคือ เมือง Takayama
เดินทาง
รถ Shuttle Bus จุดชมวิว จุดจอดรถ ลานจอดรถกลางหมู่บ้าน
Price: 200Y ต่อเที่ยว
|
Shuttle Bus |
|
รถออกทุก 20 นาที |
No comments:
Post a Comment