Tuesday, October 25, 2011

Koyasan, Wakayama, Japan



หลายเมืองที่ไปเที่ยวในญี่ปุ่นก่อนหน้า ยังมีความรู้สึกว่าเป็นเมืองหรือสถานที่สำหรับนักท่องเที่ยว แต่พอมาโคยาซันแล้วจะรู้สึกถึงความแตกต่างได้ชัดเจน

มันเหมือนหลุดเข้าไปในเมืองย้อนยุคโบราณ ทั้งจากการเดินทางที่ต้องนั่งรถไฟต่อด้วย Cable Car ขึ้นเขา ต่อเข้ามาทางรถบัส พอโผล่เข้ามาในเมืองก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแบบโบราณ ด้วยเมืองอยู่บนเขาทำให้อากาศหนาวเย็นลงรู้สึกได้ทันที 


เมืองโคยาซัน อยู่ในเขต Wakayama ห่างจากเกียวโตราว 2 ชั่วโมง เป็นส่วนหนึ่งของ สถานที่ศักสิทธ์และเส้นทางจารึกแสวงบุญในแถบเทือกเขา Kii (Sacred Sites and Pilgrimage Routes in the Kii Mountain Range) ซึ่งได้รับเลือกเป็น UNESCO World Heritage ซึ่งครอบคลุมพื้นที่หลายเมืองตามเส้นทางแสวงบุญ


ความสำคัญของเมืองโคยาซัน คือ เป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธสายวัชรยาน นิกายชินงอน (Shingon) โดยบุคคลสำคัญคือ โคโบไดชิ หรือ ที่เรียกโดยทั่วไปว่า คูไค (Kukai) ซึ่งเป็นปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งนิกายนี้ขึ้นมาในญี่ปุ่น ประวัติของปรมาจารณ์คูไคสนุกน่าศึกษา  ทำให้เข้าใจรากเง้ากำเนิดศาสนาพุทธในญี่ปุ่นที่มีความเชื่อมโยงกับพุทธศาสนาสายวัชรยานจากประเทศจีน (อ่านเพิ่มเติมภาษาไทยได้จากเว็บพลังจิตที่นี่)

นอกเหนือจากบทบาทของนักบวชแล้วคูไคยังเป็นครู วิศวกร กวี นักประดิษฐ์ นักอักษรวิจิตร แลอะไรอีกหลายอย่างของเมืองโคยาซัน เป็นเมืองที่คูไคริเริ่มขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางการเผยแพร่นิกายชินงอน

ต้นไม้สวย สังเกตเนื้อไม้และเทคนิคไม้ค้ำยัน
เสียดายที่ไม่ได้ทำการบ้านหาข้อมูลเกี่ยวกับโคยาซันก่อนไปมากนัก รู้แต่ก่อนไปว่าเป็นเมืองเกี่ยวกับศาสนา ส่วนใหญ่มาใส่ข้อมูลในบล็อกเพิ่มเติมภายหลัง ถ้าได้ข้อมูลพวกนี้ น่าจะเข้าใจอะไรที่ได้เห็นหลายอย่างในเมืองโคยาซัน


ใบแปะก้วย
ช่วงที่ไปเที่ยว เป็นเวลาใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีพอดี  ที่สะดุดตาที่สุดคงเป็นใบแปะก็วยที่กำลังเปลี่ยนสีจากเขียวเป็นเหลืองเต็มต้นไปทั่วเมือง ใบที่ร่วงลงพื้นเหลืองอร่ามไปทั้งเมือง

ตัวเมืองมีขนาดไม่ใหญ่ แต่เดินไปแต่ละจุดไม่ไหว ดีที่สุดคือใช้รถเมล์โดยสาร นั่งไปลงยังจุดปลายทางที่ต้องการ มีจุดแวะเที่ยวชมหลายจุด บางจุดเป็นเส้นทางเดิน (walking trail) ต้องคำนวณเวลาให้ดีเพราะรถเมล์จะมาและไปตรงเวลาเป๊ะ ค่าโดยสารรถเมล์ใช้แบบ One Day Pass (813 Yen) จะคุ้มสุด ส่วนสถานที่ในเมือง (หมายถึงแถว Tourist Center) ก็เดินได้

Map from japan-guide.com

Reihokan Museum


จุดแรกที่แวะเข้าไป  (หลบฝน) คือ พิพิธภัณฑ์ Reihokan  อยู่ไม่ไกลจากจุดศูนย์กลางของเมือง ตัวอาคารพิพธภัณฑ์เป็นทรงญี่ปุ่นกลมกลืนเข้ากับเมือง ดูตอนแรกนึกว่าเป็นวัด


ข้างในพิพิธภัณฑ์ ห้ามถ่ยรูป .... งานแสดงเป็นงานศิลปะที่เกี่ยวข้องกับเมืองโคยาซัน โดยเฉพาะปรมาจารย์คูไค จะพบเห็นบันทึก รูปวาด หลายภาพ   นอกจากนั้นก็เป็นงานพุทธศิลป เช่น พระพุทธรูปหล่อ ในสมัยต่างๆ ภาพวาด เสียดายข้อมูลส่วนใหญ่เป็นภาษาญี่ปุ่น อ่านไปเดาไป


ใช้เวลาในพิพิธภัณฑ์ไม่นาน แต่มาใช้เวลาถ่ายภาพข้องนอก หน้าพิพิธภัณฑ์นานกว่า ต้นไม้ในบริเวณพื้นที่โดยรอบ กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนสี สีสรรภายนอกจึงสวยสดงดงามมาก บางต้นเหลืองอร่ามไปหมด

Kongobuji Temple

สวนหิน  Banryutei Rock Garden
วัด Kongobuji เป็นวัดหลักของนิกายชินงอน  อยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์เดินไปได้

จุดเด่นของวัดนี้คือสวนหินที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นชื่อ Banryutei Rock Garden  มีการนำหินที่มาจากเมืองบ้านเกิดของคูไคมาวางเรียง เป็นมังกร 2 ตัวที่โผล่เหนือทะเลเมฆ  ... ตรงนี้ต้องใช้จินตนาการดีๆว่าหินก้อนไหนเป็นหาง หินก้อนไหนเป็นหัว ส่วนใหญ่เห็นไม่เหมือนกัน


ทางเดินก่อนถึงสวนหินจะผ่านห้องที่ใช้ประกอบพิธี ผนังประดับด้วยผ้าสวยงาม ...แต่ห้ามถ่ายภาพ  ... มีห้องนึงจำได้แม่นห้องเป็นภาพต้นหลิว เรียกว่า Willow Room  ที่จำได้ก็คือเรื่องราวของห้องนี้ ที่เป็นห้องที่มี Hidetsugu ซึ่งเป็นญาติของผู้สร้างวัดนี้มาทำฮาราคิรี ฆ่าตัวตาย ... มาหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ความว่าถูกบังคับให้ฆ่าตัวตายด้วยเหตุผลทางการเมือง


ทางเดินรอบอาคารจะเลาะไปตามสวนหินจนสุดทางที่ห้องโถงใหญ่ ที่นี่มีแจกน้ำชาและขนมแครกเกอร์ให้นั่งทาน พร้อมเดินดูภาพคูไคที่ประดับตามผนัง บรรยากาศดี อากาศเย็นทำให้ใช้เวลากับที่นี่ได้นานสองสามชั่วโมงเลย

Daishi Kyokai



จากวัด  Kongobuji เดินข้ามถนนมาก็จะเจออาคารไม้หลังนี้ เรียกว่า ไดชิเคียวไค (Daishi Kyokai) เป็นสำนักงานเผยแพร่คำสอนของปรมาจารณ์คูไค ที่นี่มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวเข้าร่วมด้วย เช่น ร่วมพิธีทางศาสนา ฝึกลอกคัมภีร์  มาถึงที่นี่ก็เย็นแล้วเลยเดินชมภายนอก

ศาลเจ้าสีสด ทางเข้า Daishi Kyokai

Okunoin Temple

Ichinohashi Bridge
Okunoin เป็นสุสานของคูไค  ถือเป็นสถานที่มีความศักสิทธิ์ที่สุดในโคยาซัน

ความน่าสนใจของการท่องเที่ยวที่ Okunoin คือเส้นทางที่ต้องเดินขึ้นไปสู่สุสานของคูไค ต้องเดินผ่านสุสานจำนวนมากระหว่างทางเดินขึ้นไป การเดินสามารถเดินขึ้นได้สองทาง ทางแรกเดินจากสะพาน Ichinohashi ส่วนอีกทาง ลงรถเมล์ที่ป้าย Okunoin-mae ซึ่งเป็นป้ายที่ ถัดจากป้ายสะพาน Ichinohashi  แล้วเดินตัดเข้าไปย่นระยะทางไปได้ครึ่งนึง



ด้วยต้นไม้ใหญ่ทั่วบริเวณ อากาศที่นี่หนาวเย็นกว่าด้านนอก

ทางเดินปูลาดด้วยหิน สองข้างทางเป็นสุสาน หลุมฝังศพ จำนวนมาก มีมาแต่โบราณหลายร้อยปี บรรยากาศวังเวง แต่ดูไม่น่ากลัว หลายจุดระหว่างทางมีตำนานเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น บางจุดก็มีคำแปลเป็นภาษาอังกฤษ

หลายจุด เป็นสุสานของบุคคลสำคัญ ผู้มีชื่อเสียงสังเกตได้จากการตบแต่งและบริเวณพื้นที่โดยรอบ



เส้นทางเดินสวยงามด้วยหินตะเกียง ไม้สน เป็นระยะทางราว 2 กิโลเมตรก็จะถึงสุสานคูไค ที่เก็บรักษาร่างของคูไค ที่หมดลมไปในขณะนั่งสมาธิ ... เลยเป็นที่เชื่อกันว่าคูไคยังคงอยู่ใน Okunoin นี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ทุกยากที่เดินทางมาคาราวะสถานที่นี้

ใน Japan-guide.com แนะนำให้ลองเดินในเวลาพลบค่ำด้วย แน่นอกบรรยากาศคงเปลี่ยนไปเป็นหลังมือแน่


ด้วยอายุของสุสานนี้มีมากกว่า 1000 ปี การเดินจากจุดเริ่มคล้ายๆกับการย้อนเวลาไปในอดีตที่มีความแตกต่างจากสุสาน ที่เกิดขึ้นใหม่อย่างชัดเจน ... ส่วนของสุสานที่เกิดใหม่ จะสังเกตเห็นรูปปั้นทีทันสมัย เข้ากับยุคสมัยในช่วงเวลานั้น

ทางเดินจะเดินนำไปสู่โบสสุสานของคูไค ในบริเวณนั้นห้ามถ่ายภาพและนำอาหารและเครื่องดื่มเข้าไป

บริเวณโบสโถงจะมีผู้คนทั้งนักท่องเที่ยว และแสวงบุญเข้ามาสักการะคูไคตลอดเวลา จะเห็นผุ้คนนั่งสมาธิ สวดมนต์คล้ายตามวัดบ้าน


ขากลับใช้ทางเดินแยกเพื่อไปขึ้นรถเมล์ที่ป้าย Okunoin-mae ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี มีช่างภาพมาคอยบันทึกภาพในบริเวณนี้หลายคน




เส้นทางกลับ เดินออกไปทางป้ายรถเมล์ Okunoin-mae   ... เส้นทางนี้ผ่านสุสานที่ดูใหม่กว่า ที่เดินผ่านมาทางสะพาน Ichinohashi   บางสุสานมีการสร้างที่ทันสมัย แปลกตา

นอกเหนือจากสุสานที่เพื่อรำลึกถึง "คน" แล้ว ยังอนุสรน์ถึงสิ่งที่เป็นสัญญลักษณ์ด้วยเช่น "Glico" หรือ ที่แปลกตาสุดน่าเป็น "จรวด"


เวลา 2 วัน 1 คืนในโคยาซันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยังมีที่เที่ยวอีกหลายจุดที่ไม่มีเวลาแวะชม ที่พลาดไปก็ Garan ได้แต่ผ่านด้านหน้าแต่ไม่ได้เดินเข้าไปข้างใน รวมถึงเส้นทางเดินแสวงบุญ (Pilgrimage Trail) ที่ Tourist Center เค้าแนะนำให้ลอง แต่คงใช้เวลาเป็นวันกว่าจะสำรวจจนทั่ว แต่ก็ได้ไอเดียร์กับการไปวางโปรแกรมเที่ยวต่อในคราวต่อไปกับเส้นทางแสวงบุญแถบเทือกเขา Kii ในเมืองอื่นแน่นอน

การเดินทาง

cable car to koyasan

การเดินทางไปโคยาซัน เดินทางหลายต่อใช้เวลาราว 3 ชั่วโมงจาก Osaka โดยเริ่มต้นที่ สถานี Namba ของ Osaka ไปสุดทางที่  Gokurakubashi

Namba --  Gokurakubashi --- 870Y [100 mins] - Train

จากนั้นต่อไปขึ้น Cable Car เพื่อขึ้นไปยังสถานี Koyasan

Gokurakubashi - Koyasan --- 390Y [5-10 mins] - Cable Car

หลังจากนั้นก็ไปต่อรถบัส เพื่อเข้าเมืองที่จอดรอที่สถานี Koyasan ช่วงนี้มีช่วงเวลารอรถบัสแค่ไม่กี่นาที ลังเลนานอาบตกรถ ต้องรอเที่ยวต่อไปได้

- Koyasan --- City 290Y [5-10 mins] - Bus

ที่พัก

ความน่าสนใจของที่พักในเมืองนี้ก็คือ การได้นอนในวัด
วัดในเมืองนี้มีบริการที่พัก ที่นอน อาหาร พร้อมบริการเชิญชวนแขกมาสวดมนต์ร่วมกับพระได้ ตามศรัทธรา


เมืองนี้ปังเนยพักที่นี่ Koyasan Onsen Fukuchiin  หรือชื่อทางการคือ Koyasan Fukuchiin Temple
ที่เลือกที่นี่เพราะมี Onsen ให้ด้วย อยู่ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์ที่มาจากสถานี Koyasan เลย ใกล้ศูนย์กลางเมืองเดินไปได้ไม่ไกล


วัดสวยเหมือนโรงแรม แต่ความจริงมันก็คือโรงแรม
ตอนเช้าเย็นมีสวดมนต์ ที่เชิญแขกเข้าร่วมพิธีได้ คนต้อนรับแนะนำก็เป็นพระ


ห้องนอนก็เหมือนกับเรียวกังทั่วไป มีอุปกรณ์ครบ แถมด้วยฮีตเตอร์เพราะอากาศที่นี่หนาวเย็นตลอดปี


ห้องน้ำเป็นแบบรวม สะอาดสะอ้านดี ส่วนของออนเซ็นจะจัดแยกจากห้องน้ำ ต้องเดินขึ้นไปบนตึก เป็น Outdoor Onsen ในอ่างไม้บรรยากาศดีมาก


อาหารบริการ 2 มื้อคือเย็นกับเช้า มาเสริพให้ในห้อง ที่สำคัญ อาหารเป็นมังสวิรัต รสชาติกินวันแรกจะอร่อยกว่าวันหลัง คนเสริพก็เป็นเจ้าหน้าที่ของวัด ลองคุยด้วยได้ความว่าเป็นอาสาสมัครมาช่วยงานวัดและได้ที่พัก เห็นมีฝรั่งมาเป็นทีมงานด้วย โดยรวมถือว่าดีมาก แต่แพงไปหน่อย

Price -- 32,000 Yen (เด็ก 2 ผู้ใหญ่ 2) อาหาร 2 มื้อ




ค่าตั๋ว

Kongobuji Temple -- 500Yen
Reihokan Museum -- 600Yen

No comments:

Post a Comment